คราวที่แล้วเราได้พูดถึงวิธีการเลือกเบาะโดยวัดจากความกว้างของ Sit Bone ทุกท่านอาจจะสังเกตได้ว่า
“เบาะที่มีความกว้างเท่ากัน อาจจะมีรูปทรงไม่เหมือนกัน”
วันนี้เราจะมาพูดถึงรูปทรงของเบาะและความเหมาะสมในการใช้งานกัน

รูปทรงเบาะจักรยาน : Flat vs Curved

ผู้ผลิตเบาะจักรยานแต่ละเจ้าต่างก็มีแนวคิดในการออกแบบที่แตกต่างกัน ทำให้เบาะจักรยานในตลาดมีรูปร่างไม่ซ้ำแบบ แต่ก็สามารถจำแนกกลุ่มได้คร่าวๆ เป็น 2 แบบ

  1. เบาะ Flat

    มีลักษณะแบนราบ ตั้งแต่หัวเบาะยันท้ายเบาะ
  2. เบาะ Curve

    มีลักษณะโค้งที่บริเวณกลางหรือท้ายเบาะ ความโค้งมีได้หลายแบบ (โค้งมาก โค้งน้อย)

 

แล้วเราเหมาะกับเบาะแบบไหนหละ?

เบาะ Flat เหมาะกับ:

  • ผู้ปั่นที่ชอบเปลี่ยนตำแหน่งนั่งบนเบาะ เพราะสามารถขยับปรับเปลี่ยนตำแหน่งนั่งบนเบาะได้หลากหลายตามความถนัด (ขยับตำแหน่งนั่ง หน้า/หลัง)
  • ผู้ปั่นที่มีความยืดหยุ่นดี สามารถปรับท่านั่งเพื่อรองรับพื้นที่นั่งส่วนที่แคบของเบาะได้
 
ผู้ปั่นที่มีความยืดหยุ่นดี เมื่อก้มตัวไปด้านหน้า กระดูกเชิงกรานจะยังตั้งขึ้นตรง ไม่เอนไปด้านหน้า ทำให้ Sit Bone ตั้งอยู่กับที่
(ภาพจาก www.fizik.com)

 

เบาะ Curved เหมาะกับ:

  • ผู้ปั่นที่ต้องการ Fix ตำแหน่งนั่งบนเบาะ เพราะส่วนโค้งของเบาะจะทำหน้าที่ fix จุดนั่งของผู้ปั่นให้ลงโค้ง ทำให้นั่งได้มั่นคงขึ้น แต่ต้องแลกกับตำแหน่งนั่งบนเบาะที่น้อยลง
  • คนที่ความยืดหยุ่นน้อย เวลาที่นั่งบนเบาะจักรยาน หลังส่วนล่างจะตั้งตรงมากกว่า บริเวณที่ Sit Bones กดทับจะกว้าง จึงไม่สามารถนั่งบนส่วนแคบของเบาะได้

ผู้ปั่นที่มีความยืดหยุ่นน้อย เมื่อก้มตัวไปด้านหน้า กระดูกเชิงกรานจะเอนตามตัว  ความกว้างของ Sit Bone ที่น้ำหนักลงก็จะแคบลง
(ภาพจาก www.fizik.com)

 

ทั้งนี้แล้วการเลือกเบาะโดยคำนึงถึงขนาด Sit Bone และรูปทรงอย่างเดียว แต่ถ้าขาดการปรับตั้งที่เหมาะสมกับผู้ปั่น อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้
เราแนะนำให้ปรึกษา Fitter ที่ท่านไว้ใจเพื่อเลือกใช้เบาะและปรับเบาะให้เหมาะสมกับคุณที่สุด

ตอนต่อไปเราจะมาพูดถึงอีกประเด็นที่ส่งผลต่อความสบายและประสิทธิภาพของผู้ปั่น นั่นก็คือ “องศาเบาะ”

#letsbikebygoro